วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

ภูมิแพ้ และไมเกรน โรคที่พบบ่อย ในบุคคลทั่วไป รักษาอย่างไรโดยไม่ใช้ยา




เมื่อก่อน โรคภูมิแพ้หรือไมเกรน ยังไม่จัดว่าเป็นโรคร้ายแรงเพราะเป็นๆๆ หายๆ แต่ด้วย สภาวะแวดล้อมในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยมลพิษ หรือมลภาวะต่างๆเช่น อากาศเสีย เสียดัง น้ำเน่า ขยะต่างๆ ควันจากท่อไอเสีย ฯลฯ

     แต่ปัจจุบันนี้ จัดเป็นโรคอันดับต้นๆที่ทุกคนเป็น กัน บางรายถึงขั้นผ่าตัดกันเลยทีเดียว เมื่อก่อน ยอมรับเลยว่าเป็นคนนึงที่เชื่อการรักษาทางวิทยาศาสตร์ว่าดีที่สุด ป่วยก้อต้องทานยา เอะอะอะไรจะวิ่งไปหาหมอ ไปร้านยา ทานจนชินจนจัดยาให้ตัวเองได้เลยทีเดียว

     อาการหลักๆที่ พีเค เป็นคือภูมิแพ้ แพ้อากาศ สืบเนื่องมาจากตอนเด็กๆนอน แล้ว ไม่ได้ห่มผ้า เคยเป็นปอดบวม รักษาจนหาย และได้ไปเรียนว่ายน้ำ อีก บวกกับคลอรีน และความชื้น (ต้องบอกก่อนว่าบ้านเกิด ที่จ.ยะลา อยู่ในภูเขา สวนยางเยอะล้อมไปหมด จึงมีอากาศชื้นอยู่ตลอดฝนตกชุก )ทำให้ปอดของเราอ่อนแอกว่าเด็กในเมือง จนต้องเลิกเรียนว่ายน้ำ แต่ก่อนนอนทุกครั้งต้องทา วิควาโปรับเสมอ เพราะมีน้ำมูกตลอด ไอจาม ได้บ่อยๆ ทานยาแก้อักเสบ บ่อยมากทั้งๆ โดนเตือนว่า ยาปฎิชีวนะ มันสะสมในร่างกาย 

     จน ได้ไปเรียนที่ กทม อาการภูมิแพ้เริ่มดีขึ้นคะ แต่ตอนนี้ค้นพบว่าแพ้ฝุ่น เมืองใหญ่ ปฎิเสธไม่ได้ที่จะเลี่ยงฝุ่นควัน เลยไปรักษากับคุณหมอหู ตา จมูกแถวบ้าน ตอนนั้นอายุยังน้อยทานยาแรงแค่ไหนก้อรับได้ แต่ต้องหยุดเมื่อพบว่ายาที่รักษาเนี้ย มีส่วนผสมของยาปฎิชีวนะ สูงมากๆๆ คือทานแล้วฉี่ม่วง กันไปเลย เหนแล้ว จึงขอหยุดและมาดูแลความสะอาดของตัวเอง ส่วนโรคไมเกรนโชคดีที่ไม่เป็น 

     แต่สังเกตุพี่สาวที่กำลังจะเอนทรานส์มีอาการ ปวดกระเพาะหรือเรียกว่า เครียดลงกระเพาะและตามมาด้วยไมเกรน หรือเรียกว่าอาการปวดหัวข้างเดียว ที่เห็นได้ชัดๆคือทานอาหารไม่ตรงเวลา อ่านหนังสือมากนอนเช้า คือผลข้างเคียงอย่างรุนแรงเพราะไปบิดนาฬิกา ชีวิต ทำให้ระบบต่างๆรวนนั้นเอง โชคดีของเราที่ไม่มีอาการนี้อาจจะเป็นเพราะตอนเด็กๆๆเป็นคนไม่เครียด สบายๆ แม้จะเรียนได้ F ก้อตาม

     จนมาสมัยมหาลัย อยู่ที่อื่นไม่ได้อยู่บ้าน อาการภูมิแพ้ดีขึ้น แต่เราคลุกคลีกับวงสุราบุหรี่ ภูมิแพ้ถามหาแน่ๆ บวกกับการนอนไม่ตรงเวลา ตารางบิดเบี้ยวจน ต้องจัดยาทานเองอยู่บ่อยๆ แต่ด้วยอายุ 19 ปี ภายในยังแข็งแรง ตับแข็งแรงเลยเต็มที่กับชีวิตได้สบาย

     แต่ตอนที่อายุ 26 ปี มีความจำเป็นต้องกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดซึ้งมีอากาศชื้น แต่เราก้อยังไปหาหมอทานยาอยู่เช่นเคย แต่ไปหากี่หมอก้อไม่หาย เหมือนเกิดอาการดื้อยา ไปหาหมอคนที่4 หาแต่ยาแรงมาก วันละ 12 เม็ดพ่วงยานอน หลับไปด้วย ตอนนั้นเริ่มมีอาการแทรกซ้อนมากมาย

เช่น เท้าจะเย็นและชามาก ตัวเย็นผิดปกติ เย็นจากข้างในห่มผ้าห่มก้อไม่หาย มีอาการปวดกระเพาะท้องผูก เหงื่อแตกหน้าซีด และหน้ามืด นอนไม่หลับ เคยทำสถิติสูงสุดติดกันคือ 3 วัน นอนอยู่บนเตียงนะแต่ไม่หลับ จึงแก้ไข โดยการไปนวด มันก้อหายแค่ตอนไปนวดเสียเงินเยอะมาก เพราะไปนวดอาทิตย์ละ2 ครั้งไม่งั้นเส้นตึงมาก นอนไม่หลับ สาเหตุหลักน่าจะมาจากไม่ออกกำลังกาย และนั่งหน้าคอมอยู่ตลอดเวลา ทำให้บริเวณต้นคอแข็งมาก

ศัพท์แผนโบราณจะบอกว่าลมในเส้นเยอะ จนเบื่อการนวด ได้หันมาเล่นโยคะ ตอนอายุ 27 ปี อาการปวดชา ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก้อยังไปหาหมออยู่เรื่อยๆเมื่อมีอาการภูมิแพ้

จนเมื่ออายุ 28 ปี ได้ ไปอ่านตำรา ดื่มน้ำปัสสาวะ หนังสือให้คุณแม่ไปแล้วคะ แต่เธอเป็นลูกศิษย์ของหมอเขียว เราเลยเฟ้นหาหนังสือมาอ่าน จึงเลิกทานยา แม้แต่เม็ดเดียว เริ่มเมื่อเดือน มิถุนายน ปี 2011 เลิกทุกอย่างคะ แอลกอฮอล์ แต่ก้อยัง ใช้ตารางชีวิตบิดๆอยู่ 

เชื่อไหมการเลิกทานยาทำให้ชีวิตดีขึ้นคะ เพราะเรารู้สึกว่าเราเพลียและไม่มีแรงเวลาตื่นนอนแต่เดี่ยวนี้ถึงเวลาเด้งขึ้นมาจากเตียงได้เลยคะ 

แต่เราเริ่มนาฬิกาชีวิต อย่างจริงจังเมื่อ มิถุนายน 2012 ที่ผ่านมานี่เองคะ
เวลามีอาการภูมิแพ้
1.จะไม่ทานยาคะ
2.จะไม่อาบน้ำดึกๆถ้าช่วงเย็นเมื่ออากาศหนาวจะใช้การเช็ดตัวแทนคะ
3.อาบน้ำอุ่น ทำให้ร่างกายอุ่นอยู่เสมอ ทานน้ำอุ่นคะ
4.ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือ 5.00-8.00คะ ช่วยระบบขับถ่ายแต่ถ้าไม่ไหว 16.00-18.30 คะ ห้ามเกินแล้วคะหลังจากนั้นร่างกายต้องการพักคะ ใครออกกำลังกายไม่ไหวแนะนำท่าโยคะคะ ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.morkeaw.net/vegetable.html
5.ทานน้ำผักผลไม้ปั่น มีสูตร มากมายคะ ดูในอัลบั้มนี้นะคะ
6.ทานมังสวิรัสคะ 
ข้อมูลเพิ่มเติมคะhttp://www.morkeaw.net/vegetable.html
7.หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่มีขนโดยตรง ถ้าไม่เลี้ยงจะดีกว่าคะ ถ้าเลี้ยงไว้อย่านำไปนอนในห้องแอร์ด้วยกันเพราะขนจะเข้าไปอยู่ในลมหายใจ
ทำให้แพ้มากขึ้น
8.ดูแลความสะอาดของสถานที่อยู่ เช่น ห้องนอนหมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว บางรายอาจจะต้องสังเกตุเรื่องน้ำยาทำความสะอาดเพราะอาจแพ้ได้ ส่วนตัวใช้น้ำยาซักผ้าของเด็กคะ ไม่ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเพราะแพ้ง่าย กลิ่นฉุนแรงๆแบบน้ำหอมก้อแพ้คะ เช็ดฝุ่นอยู่เสมอ 

ก้อคือเบสิคหลักๆในการล้างพิษคะ ช่วงไหนอากาศหนาวหน่อย เรามีน้ำมูกจะสวนจมูก ด้วยปัสสาวะคะ ปัสสาวะของเราคือยาชั้นดีคะ เพราะ DNA ของเราจะเข้าไปต้านเชื้อโรคในตัวของเราคะ แถมเราทานมังสวิรัสปัสสาวะเราไม่มีสีไม่มีกลิ่นใสแจ๋วเลยคะ เอามาอาบน้ำ หมักผมล้างหน้า ทำได้หมดเลยคะ สะอาดมากๆ มีคุณสมบัติคล้าย ยาฆ่าเชื้อโรคเลยทีเดียวคะ แผลที่หายช้าหานยากก้อดีขึ้นคะ เป็นน้ำสารพัดประโยชน์จริงๆคะ
ข้อมูลเพิ่มเติมคะ

ส่วนไมเกรน ที่อยากจะพูดถึงเพราะเห็น เพื่อนๆเป็นกันบ่อยคะ อย่างแรกท่าจะมาทางสายนี้อยากให้โยนยาทิ้งไปให้หมดคะ มันไม่มีประโยชน์และมีผลข้างเคียงสูงคะ การบำบัดมีหลายแบบคะ เรียกอีกอย่างว่าแพทย์ทางเลือกคะ จริงๆศาสตร์นี้ดังมากคะ มีทั่วโลก แค่เพียงเราไม่ทราบเท่านั้นเอง 

ที่มาจากหนังสือ แพทย์ทางเลือก ของ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์ 

หลักที่จะรักษากัน คือการฝังเข็มคะ ไม่อันตราย แต่ถ้าจะให้แก้กันลึกลงไปควรจะปรับที่ระบบภายในร่างกายคะ หลักๆของไมเกรนคือเส้นเลือดต่างๆภายในร่ายกายที่ยาวๆมากๆ ถ้าเอามาต่อกันเรียงๆ คงได้ 100,000 ไมล์ ยาวมากๆๆ ขดตัวกันอยู่ในร่างกายของเรา จึงไม่แปลกใจ ที่จะทำให้เราปวดเมื่อย เพราะเลือดในร่างกายของเราวิ่งวนๆๆ อยู่ ประกอบกับอาหารที่เราทานเข้าไป กิจกรรมต่างๆ ที่บิดไม่ตรงตามตาราง ก้อทำให้เลือดข้น อุดตัน หรือไขมันเกาะ ทำให้เลือด เกาะอยู่เป็นก้อนเมื่อเลือดไม่ไหลเวียน ก้อจะทำให้เราปวดไมเกรนนั้นเอง 

เบสิคง่ายๆ คือการ ทำตามนาฬิกาชีวิต แต่อย่างที่บอกอายุ ก้อส่งผลต่อการปรับตัว น้ำหนัก ที่มากเกินไปก้อส่งผลเช่นกัน ควรจะล้างพิษดีทอค ปรับสมดุล งดอาหารที่จะก่อพิษเช่น อาหารแปรรูปต่างๆ อาหารที่ผ่านกระบวนการ ในกล่องในกระป๋อง อาหารแช่แข็งต่างๆ ของหมักดองกุ้งแห้ง กะปิ ปลาร้า เส้นที่ผ่านการแปรรูปต่างๆ น้ำตาลขัดขาว นมเนยโยเกริต คะน้า ผักเศรฐกิจที่ใสยาฆ่าแมลงเยอะๆ หรือจะเป็นผลไม้รสหวานที่จะทำให้เกิดอาการร้อนใน คาเฟอีนแอลกอฮอล์ บุหรี่ 

ลองปรับสมดุล ซัก 14 วัน คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลง ไมเกรนจะหายไป ที่สำคัญคือการออกกำลังกาย แต่ถ้าใคร ที่ติดขัดเรื่องออกกำลังกายมีอีกวิธีคือการทำให้เลือดไหลเวียคือการนวด กดจุดด้วย ตัวเราเองศึกษาได้จากหนังสือของหมอเขียว
หนังสือ ถอดรหัสสุขภาพเล่ม 3 ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว)
มีท่ากายบริหาร หรือเรียกว่าโยคะเบื้องต้น กดจุดต่างๆ และการขูดพิษออกจากตัวเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ากัวซา การขูดพิษ จากเขาสัตว์ 

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้คือการฝึกสมาธิและ ธรรมะคะ ต้อง ไม่เครียด ไมเกรนมาจากความเครียดโดยตรง ผ่อนคลายอ่านหนังสือธรรมมะ ปล่อยวาง PK กำลังหัดอยู่และบังคับอารมณ์ไม่ให้โกรธคะ บางปัญหาถ้าเราแก้ไม่ได้ให้เดินออกมาก่อนรอพรุ่งนี้ค่อยไปแก้ใหม่คงไม่สายนะคะ แต่สุดท้ายต้องสอนให้ปลงด้วยคะ โลกเราหมุนไปทุกวัน แต่เราทำชีวิตของเราให้ช้าลง แต่ไม่เฉื่อยชานะคะ กระฉับกระเฉง พร้อมสู้กับวันใหม่คะ หัวเราะทุกวันจะได้ไม่แก่เร็วนะคะ

รับรองอาการไมเกรนจะดีขึ้นบวกกับทานน้ำอุ่นและนอนก่อน 22.00 น.ไม่ให้เลือดข้น ทานน้ำผักปั่นและนม ธัญพืช สูตร ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์ ช่วยฟื้นฟู และ ปรับสมดุลร่างกายได้อย่างดีทีเดียว

สุดท้ายนี้ขอหยิบยกคำพูดของหมอเขียวมาคะ   

พึ่งตนเองได้ ใช้ตนเองเป็น มาเป็นหมอดูแลตัวเองกันเถอะ

You can help yourself, by yourself! Become your own doctor, and look after yourself .

ใครสนใจรักษาแนวนี้ เชิญได้เลยคะมีสอนฝังเข็มด้วยคะ 
ชมรมบ้านสุขภาพ จ.ระยอง โทร 038 880679, 081683 6949
ชมรมบ้านสุขภาพกรุงเทพ ติดต่อคุณ นัทธมน 02 7463849, 081 641 7692

บทความนี้ขออุทิศให้แก้คุณย่า กิมเง็ก ผู้ล่วงลับ ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้ดิฉันทำเพจ นี้ขึ้นมาคะ 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | ewa network review