วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

ยาวิทยาศาสตร์ รักษา หายขาด หรือแฝง โรคร้าย รู้ทันมะเร็ง ต้านโรคยุค2012




ปี 2547 สายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาคือข้าวร้ายที่สุดในปีนั้น คือ คุณแม่โทรมาบอกว่าคุณปู่เสียแล้วนะ หมอระบุใน ใบมรณะบัตรว่า ติดเชื้อในกระแสเลือดรวมอายุ75 ปี เสียที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง อยู่รพ.เป็นระยะเวลา 6เดือน เราเป็นหนึ่งในนั้นที่ได้ไปเฝ้า เป็นเวลา1 เดือน 

คุณปู่เป็นคนที่ดื่มเหล้า มาตลอดทานเกือบทุกวัน และสูบบุหรี่ จัดเป็นเวลาหลายสิบปี ชอบทานอาหารรสจัดโดยเฉพาะรสเค็ม ทานเครื่องใน ทานอาหารเร็ว ทานอาหารเหลามันๆ ไม่ค่อยทานผัก 

เริ่มแรกของการรักษา คือเริ่มมีไขมันอุดตัน เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ สาเหตุน่าจะมากจากการทานอาหารมันๆไม่ได้ออกกำลังกาย หมอแนะนำให้ขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจด้วยการทำบอลลูน ผลข้างเคียงมีเยอะ คนที่ผ่านการผ่าตัด ในอายุเยอะๆแล้ว 74 ปี ร่างกายย่อมกลับมาไม่เหมือนเดิมแน่นอนหมอกำชับว่า ทำเสร็จแล้วต้องพักฟื้นให้มากๆ ซึ่งหมายความว่า อยู่ๆเฉยๆห้ามทำอะไรเลย แต่คุณปู่ พักฟื้นแค่สามเดือนคะเริ่มทำงาน อีกและเริ่มกลับไปดื่มเหล้า แต่ลดปริมาณลง และเลิกบุหรี่ 

ผลพวงจากการทำงานหนักดื่มสุรา เดือนพฤษภา 2547 ก็เกิดอาการทรุด จึงต้องเข้าไปนอนที่รพ. ตอนนั้นอาการเริ่มแย่ ถึงมีการชอตกระตุ้นให้ฟื้นขึ้นมาถึสองรอบ พอร่างกายทรุดถึงขีดสุด ตรวจเจอมะเร็งที่ต่อมลูกหมาก ภาวะเบาหวาน ยู่ไปเรื่อยๆได้รับยาทางสายน้ำเกลือ ยาฆ่าเชื้อที่ฉีดเข้าทางสายน้ำเกลือแรงมาก มันฆ่าเชื้อโรคทั้งตัวดีและไม่ดีออกไปหมด ทำให้ขาดภูมิคุ้มกัน เมื่อร่างกายเริ่มอ่อนแอลง ทานอาหารไม่ค่อยได้ทานน้ำน้อยแต่ทานยาตลอดวัน จึงเกิดภาวะไตแทรกซ้อนขึ้นมา ทางครอบครัวดูแลอาหารการกินมากๆแต่คนไข้ ไม่ยอมทานอาหารรสจืดจึงเร่งวันขึ้นไปเรื่อยๆ

จากการรับยาฆ่าเชื้อเป็นเวลานาน และแล้ว วันที่ 9 พฤศจิกายน การชอตกระตุ้นครั้งที่สามไม่ได้ผลแล้ว คุณปู่จากไปด้วยอาการสงบ นี่เป็นครั้งแรกของการสูญเสียของครอบครัว

คุณย่าเป็นเบาหวานมาตั้งแต่อายุ 50ปี ทานยาเบาหวานความดันมามาตลอด แต่ก็ต้องทานยาเกี่ยวกับกระเพาะเพราะยาต่างๆมีฤทธิ์กัดกระเพาะ แถมมียากระดูก เพราะคนแก่สมัยก่อนเมื่อไม่ได้บำรุงจึงเป็นโรคกระดูกพรุน คุณย่าชอบทานผลไม้หวานๆ ทุเรียน ลำไย มะม่วง เงาะ กาแฟดำวันละ 2แก้ว ชอบทานน้ำพริก ที่มีฤทธิ์ร้อนและกะปิที่ทำให้ ไตวายได้ง่าย ชอบทานเนื้อไก่มากเป็นพิเศษไม่ทานผัก ชอบทานสะตอลูกเนียงซึ่งมีสารไซยาไนต์สูง 

ปี 2550 ตรวจพบเนื้องอกที่หน้าอกข้างซ้าย ของคุณย่า ได้ทำการรักษาโดยตัดชิ้นเนื้อและคว้านหน้าอกข้างนั้นออกมาเพราะกลัวเนื้องอกลาม ซึ่งโชคดีที่เชคชิ้นเนื้อ แล้วไม่ได้เป็นมะเร็ง แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการจึง ไม่ได้มีการตรวจหามะเร็งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาทราบภายหลังว่า เราควรตรวจหาอยู่ต่อเนื่อง ทุก6เดือนคะ 

ปี2011 คุณย่าเริ่มมีอาการปวดท้องเล็กน้อยทานข้าวได้น้อยลง แต่ก้อไม่ได้แอะใจอะไร พาไปตรวจร่างกายประจำปีตรวจไม่พบอะไรคะ จบถึงเดือนธันวาคม2011 อาการเริ่มหนัก ทานอะไรไม่ค่อยได้ปวดท้องตลอดเวลา จึงไปตรวจที่รพ.เอกชน แห่งหนึ่ง ในอ.หาดใหญ่ หมอบอกว่าเป็นโรคกระเพาะ ได้ยามา1 ชุด อาการไม่ดีขึ้น จึงนัดพบ อาจารย์หมอท่านหนึ่ง ที่ มอ. หมอ จึงส่งไปตรวจ CT scan ฉีดสี และแล้วความจริงก็เปิดเผย เมื่อคุณหมอเห็นผลตรวจ คุณหมอให้กลับไปดูแลที่บ้านได้เลยเพราะเป็นมะเร็งตับระยะที่4 แถม ลามไปที่ต่อมน้ำเหลืองแล้ว 

มกราคม 2012 เราพาคุณย่ามาดูแลที่บ้าน ทำอาหารที่อ่อนที่สุดให้ทานเน้นเฉพาะไข่ขาว พืชผัก ที่งดเนื้อสัตว์ แต่เพราะเป็นที่ตับจึงไม่มีน้ำย่อยออกมาทานอาหารได้น้อย จึงทานยาไม่ได้ หมอ แถวบ้ายจึงบอกให้เลิกทานยาทุกตัวเพราะจะส่งผลต่อตับโดยตรง และมีผลข้างเคียงต่อระบบขับถ่ายด้วย 
เบื้องต้นเริ่มมีอาการบวมน้ำเพราะปัสสาวะเริ่มติดขัด และขับถ่ายไม่ออกเพราะว่าลำไส้ไม่ทำงาน จึงได้มีการสวนทวารหนัก จึงเริ่มดีขึ้น แต่ภาวะปวดและบวมน้ำทวีความรุนแรงขึ้น จึงต้องส่งเข้ารพท้องถิ่น ตอนนั้นคุณหมอเจาะท่อปัสสาวะ จึงลดภาวะบวมน้ำไปได้ และเริ่มงดยาทุกตัวให้แต่ยาแก้ปวดเป็นระยะ เพราะร่างกายทำงานตรงเวลา แต่พอทานข้าวไม่ได้เพราะไม่มีน้ำย่อย ความปวดจึงทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ

สองสัปดาห์ต่อมา หมอเริ่มให้มอฟีน แทนยาแก้ปวด จากวันละ1เข็ม เป็นละสองเข็ม จนถึงวันละ4เข็ม แผลต่อมน้ำเหลืองเริ่มบวม จึงทำให้นอนหลับไม่ได้ ร่างกาย เริ่มแย่เพราะทาน และนอนไม่ได้ แถมการต่อท่อปัสสาวะนานๆ จึงเริ่มอาการติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ 

1มีนาคม 2012 คุณย่าจากไปอย่างสงบด้วยฤทธิ์ มอร์ฟีน ตอน12.20 เข็มสุดท้ายของมอร์ฟีนคือตีสาม ของวันที่1 เราเรียกอาการนี้ว่า ภาวะหัวใจหยุดเต้นเพราะฤทธิ์มอร์ฟีน

จากตัวอย่างของคุณปู่คุณย่า ได้ทำให้เห็นว่า การทานยาติดต่อเป็นเวลานานๆ บวกกับอายุที่มากขึ้นเรื่อย มีผลกระทบรุนแรงต่อร่างกาย ยิ่ง ไม่ได้ดูแลเรื่องอาหารการกินอย่างถูกวิธี สำหรับคนป่วย จึงเกิดภาวะเสี่ยงอย่างสูง ที่จะเกิดโรคมะเร็งหรือภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่น ได้ง่ายๆ ซึ่งถ้าทราบระบบความสัมพันธ์ ของร่ายการแล้ว เราจะเห็นได้เลยว่าเมื่อระบบหนึ่งมีปัญหา ระบบต่างๆๆ ก็จะมีผลเหมือนโดมิโนนั้นเอง 

มะเร็ง ในร่างกายคนเราเป็นแหล่งเพาะเชื้ออย่างดีบวกกับสมัยปัจจุบัน สารเคมีปนเปื้อนมีมากมายรวมอยู่ในอาหารการกินที่เราบริโภคอยู่ทุกวัน เราจึงบอกไม่ได้เลย ว่ามะเร็งจะเกิดขึ้นได้กับใคร และเมื่อไหร่ ยิ่งเราปล่อยให้ร่างกายอ่อนแอเท่าไหร่ มะเร็งจะมาแทนที่อวัยวะ ส่วนนั้นแทน

เอาหละคะ ก่อนที่จะสายเรามาปฎิบัติตัวเพื่อห่างไกลโรคมะเร็งกันเถอะ 

1.อันดับแรก นาฬิกาชีวิต เป็นสิ่งสำคัญ ต้องปฎิบัตให้ได้นะคะ จะมีผลดีต่อระบบร่างกาย และช่วยเรื่องระบบขับถ่ายคะ

2.ออกกำลังกายสม่ำเสมอคะ เวลาออกกำลังกายที่ดีที่สุดคือ ช่วงเช้า ก่อน 8.00 คะ จะช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายคะ ถ้าตอนเช้าไม่สะดวก แนะนำ 16.00-18.30 ห้ามเกินนะคะ หลังจากนั้นร่างกายต้องการพักผ่อนแล้วคะ

3.งดเนื้อสัตว์คะ ทานอาหารแบบนักมังสวิรัตที่ถูกต้อง

4.เมื่อระบบขับถ่ายมีปัญหาควรใส่ใจในการล้างพิษให้มากนะคะลองทำดูคะ ซัก1 เดือน

5.เมื่อลำไส้โล่งแล้ว แนะนำให้ล้างตับเพราะการล้างตับสามารถขับนิ่วในถุงน้ำดีไขมันพอกตับ และเชื้อมะเร็งได้ด้วยคะ

6.หลีกเลี่ยงอาหารกล่อง อาหารแช่แข็ง น้ำผลไม้กล่อง อาหารที่ผ่านเคมี อาหารกระป๋องต่างๆ เพราะมีสารกันบูดแน่นอนคะ อาหารที่ผ่านกระบวนการทั้งหลาย อาหารที่เสี่ยงภาวะโรคอ้วนเช่นของทอดของมันๆ ของหวาน ยิ่งถ้าใครเป็นหรือสงสัยว่าจะเป็นมะเร็งควรจะเลิกทานเลยคะ

7.ตรวจร่างกายสม่ำเสมอ ตามเพศและวัย เช่น ผญ ควรตรวจมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งที่มดลูก หรือสังเกตอาการปวดต่างๆเบื้องต้น อย่าปล่อยให้ลุกลามหรือทานแต่ยาเพื่อกดโรคนั้นไว้ เพราะยาวิทยาศาตร์ จะไปสู่ตับโดยตรง

8.ดื่มปัสสาวะบำบัดโรคเพราะ น้ำปัสสาวะคือน้ำที่สะอาดที่สุดที่กรองออกมาจากไต ทานเป็นประจำเช้าเย็น ปัสสาวะช่วยไปสร้างเม็ดเลือดขาว เพื่อไปฆ่าเชื้อโรคตัวไม่ดีและถูกขับออกทางอุจจาระ แต่ถ้าเราทานยาวิทยาศาตร์ ยาอาจจะฆ่าเชื้อโรคทั้งตัวดีและไม่ดีออกไปด้วย 

ข้อมูลเพิ่มเติม

9.กัวซา แช่เท้า ล้างพิษจากผิวหนัง กดจุดลมปราณ

10.ฝึกจิตฝึกสมาธิอยู่เสมอ อ่านหนังสือธรรมมะ เพื่อปรับจิตให้เย็นลงผ่อนคลายไม่เครียด ไม่คิดมาก ทำให้สุขภาพจิตดี ไกลโรคคะ

แค่นี้ก้อทำให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรงห่างไกลโรคแล้วนะคะ

ปล.ส่วน case ของคุณพ่อ ตอนนี้ขอติดตามผลก่อนนะคะ ตอนนี้คุณพ่อมีอายุ 54 ปี ไม่มีโรคประจำตัว จนมาปีนี้ตรวจเจอว่าเป็นความดัน เนื่องจากทานเหล้าและสูบบุหรี่เป็นเวลาหลายสิบปี ทาอาหารมันๆ ทานน้ำเย็นน้ำอัดลม ไม่ออกกำลังกาย อาการล่าสุดมีอาการ แน่น หน้าอก หายใจติดขัด ปวดมวนท้องเวลาทานอาหาร อ้วก ไอตลอดเวลา ตอนนี้ได้รับยา ฆ่าเชื้อและยาแก้ปวดอาการดีขึ้น หมอบอกว่าตับมีอาการเหมือนคนทานเหล้า อาจจะเป็นนิ่วในถุงน้ำดี เพราะไม่มีน้ำย่อยมาช่วยย่อยอาหาร ทานได้แต่อาหารอ่อน เวลาทานอิ่มๆมักนอนเลย อาจมีภาวะกรดไหลย้อน 

ตอนนี้ออกจาก รพ.แล้วคะ รอให้ไปตรวจกับอาจารย์หมอที่ มอ. อยู่คะ ได้ข่าวว่ายังไงจะมาอัพเดทเรื่อยๆนะคะ

ขอให้ทุกคนหันมาดูแลตัวเองและรักสุขภาพมากขึ้น อยากให้หยุดทานยาซึ่งมีผลข้างเคียงสูง และสะสมในตับเป็นเวลานานหันมาทานพืชผักกันเถอะ 
เพื่อชีวิตที่ยืนยาว และไม่เจ็บป่วย ทรมาณ เพราะโรคร้าย

ขออุทิศแด่ คุณปู่ ตัน เทียมจ๋าย และคุณย่ากิมเง็กแซ่หว่อง

ขอขอบคุณหมอเขียว ที่เป็นอาจารย์ต้นแบบ

ขอขอบคุณ ดร.รสสุคนธ์ที่ทำให้ทราบว่าแพทย์ทางเลือกมีอยู่ทั่วโลก

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | ewa network review